ธรรมนูญครอบครัว ควรทำเมื่อไหร่? EP.1
ธุรกิจครอบครัวคือส่วนผสมระหว่างความเป็นธุรกิจ ความเป็นเจ้าของและความเป็นครอบครัว ดังนั้น การบริหารธุรกิจครอบครัวที่ดีควรจะมีหลักการและกฎระเบียบที่สอดคล้องระหว่างกัน ทั้งในเรื่องของหลักการการถือหุ้นภายในธุรกิจครอบครัว ความชัดเจนโปร่งใสว่าบุคคลใดสามารถเข้ามาถือหุ้นในธุรกิจครอบครัวของเราได้ ลักษณะหน้าตาผู้บริหารของธุรกิจครอบครัวของเรา จะเป็นเพียงแค่สมาชิกครอบครัว เท่านั้นหรือไม่? แต่กระนั้นแล้ว จุดประสงค์ของการทำธุรกิจครอบครัวนั้นไม่ใช่เป็นเพียงแค่การสร้างรายได้ แสวงหาผลกำไร แต่อีกหนึ่งจุดประสงค์ที่สำคัญคือการดูแลสมาชิกครอบครัว ดูแลความสัมพันธ์ความปรองดอง ให้เทียบเท่าจุดประสงค์ทางการเงินที่ธุรกิจควรจะทำ ด้วยเหตุนี้ หลายธุรกิจครอบครัวจึงเลือกใช้ธรรมนูญครอบครัวเป็นเครื่องมือในการสร้างกฎระเบียบการอยู่ร่วมกันภายในครอบครัว พยายามวางโครงสร้างการถือหุ้น โครงสร้างผู้บริหารความเป็นมืออาชีพทรัพย์กงสี บทบาทหน้าที่ของสมาชิกครอบครัวและวางแผนการสืบทอดธุรกิจครอบครัวให้ชัดเจนโปร่งใสกับสมาชิกครอบครัวทุกคน
อย่างไรก็ดี แม้ว่าธรรมนูญครอบครัวจะเป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยเหลือในการสร้างธรรมาภิบาลให้แก่ทุกธุรกิจครอบครัวได้อย่างเป็นรูปธรรม แต่ หนึ่งคำถามที่สำคัญที่ถูกธุรกิจครอบครัวมักตั้งคำถามนั่นก็คือ ธรรมนูญครอบครัวควรเริ่มทำเมื่อไหร่? จังหวะเวลาไหนที่ธุรกิจครอบครัวของตนควรที่จะเริ่มพิจารณาและจัดทำธรรมนูญครอบครัว? และมีหรือไม่? ที่ธุรกิจครอบครัวจัดทำธรรมนูญครอบครัวในเวลาที่ผิด และผลกระทบของการตัดสินใจผิดพลาดนั้น เป็นอย่างไร? ในบทความนี้จะขอมาวิเคราะห์และตอบคำถามว่าธุรกิจครอบครัวควรเริ่มทำธรรมนูญครอบครัวเมื่อไหร่
ธรรมนูญครอบครัว คือข้อตกลง ในการอยู่ร่วมกันของสมาชิกครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับความเป็นเจ้าของ ธุรกิจและครอบครัว (สามารถอ่านและทำความเข้าใจนิยามธรรมนูญครอบครัวได้ที่บทความ) ด้วยเหตุนี้แล้วการจัดทำธรรมนูญครอบครัวควรเป็นการจัดทำเมื่อสมาชิกครอบครัวทุกคนพร้อมที่จะหาข้อตกลงที่ เป็นประโยชน์ต่อทั้ง 3 องค์ประกอบที่กล่าวข้างต้น (ความเป็นเจ้าของธุรกิจและครอบครัว) ด้วยเหตุนี้แล้ว คำตอบว่า ธรรมนูญครอบครัวควรเริ่มจัดทำเมื่อไหร่ เราก็ควรนำ 3 เรื่องมาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาและหาคำตอบ โดยจะมีรายละเอียดเรื่องของมุมมองความเป็นเจ้าของ และมุมมองธุรกิจ ดังต่อไปนี้
1. พิจารณาด้วยมุมมองความเป็นเจ้าของ
เมื่อผู้ใหญ่หรือผู้อาวุโส (ผู้ถือหุ้นของธุรกิจ) เริ่มมีอายุสูงขึ้น
การที่ผู้ถือหุ้นเดิมมีอายุที่สูงขึ้นจะทำให้เกิดความเสี่ยงในเรื่องทางกายภาพ และสภาวะสติสัมปชัญญะที่โรยราลง ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าผู้อาวุโสจะไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารธุรกิจ แต่หากทรัพย์สินส่วนใหญ่อยู่กับ “ตัวบุคคล” ที่เป็นผู้สูงอายุนั้น หากเกิดเหตุอันไม่พึงประสงค์เช่นเสียชีวิต จะทำให้ทรัพย์กงสี (หุ้น ที่ดิน และอื่นๆ) ถูกจัดสรรไปตามทายาทโดยธรรม ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงสำหรับการไม่สามารถหาข้อตกลงในการจัดสรรทรัพย์มรดกได้อย่างชัดเจน ดังนั้น เมื่อมีสัญญานของผู้สูงอายุในธุรกิจครอบครัว การทำธรรมนูญครอบครัวเรื่องการจัดสรรทรัพย์สิน และหุ้นกงสีก็ควรเป็นเรื่องที่จะต้องรีบดำเนินการ
เมื่อธุรกิจ กำลังวางแผนที่จะร่วมทุนกับบุคคลภายนอกหรือเข้าตลาดหลักทรัพย์
การร่วมทุนหรือเข้าตลาดหลักทรัพย์คือการเปิดประตูให้บุคคลภายนอกเข้ามาร่วมเป็นเจ้าของธุรกิจครอบครัวของเราได้ โดยแลกกับทุนทรัพย์ มูลค่ากิจการที่สูงขึ้น ซึ่งสามารถนำข้อได้เปรียบดังกล่าวไปต่อรองหรือลงทุนสร้างความเป็นมืออาชีพในกิจการต่อไปได้ แต่การเปิดประตูให้ “คนนอก” เข้ามาร่วมเป็นเจ้าของแล้ว “คนใน” หรือครอบครัวเราก็ควรที่จะมีหลักการความเป็นอนึ่งอันเดียวกัน รวมไปถึงกฎระเบียบในการถือและซื้อขายหุ้น และปฏิบัติตัวอย่างชัดเจน เข้มแข็ง เพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าธุรกิจครอบครัวจะยังคงเป็นของครอบครัวเพื่อขยายความมั่งคั่งต่อไป
เมื่อความมั่งคั่ง ถูกกระจุก อยู่ภายในกลุ่มคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ
แน่นอนว่าการทำธุรกิจครอบครัวคือการสร้างความมั่งคั่ง และในธุรกิจครอบครัวสมัยก่อน ความมั่งคั่งจะถูกกักเก็บไว้ในตัวบุคคล โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นผู้อาวุโสเช่นคุณพ่อ คุณแม่ อากง อาม่า หรืออาจจะพี่น้องเครือญาติบางคนบางกลุ่มที่ตกลงกัน แต่กระนั้นโมเดลการสร้างความมั่งคั่งสมัยก่อนอาจใช่ไม่ได้ในปัจจุบันด้วยเหตุที่ สมาชิกครอบครัวในยุคปัจจุบันแตกขยายมีจำนวนสายและจำนวนคนที่มากขึ้น เป็นธรรมนชาติที่แต่ละสายครอบครัวจะต้องการความมั่งคั่งให้เพียงพอต่อความรู้สึกปลอดภัยทางการเงิน (Financial Safety) ให้กับคนในสายครอบครัวตนเอง การกักเก็บ wealth ไว้กับคนใดคนหนึ่งอาจทำให้แต่ละสายครอบครัวเกิดความรู้สึกไม่พอใจและทะเลาะกันจนสุดท้ายแก่งแย่งทรัพย์สินกันได้ในอนาคต ธรรรมนูญครอบครัวจึงถือเป็นเรื่องสำคัญเพื่อสร้างกลไกความมั่งคั่งของกงสีไม่ให้กระจุกแต่บริหารให้กระจายเพื่อจัดสรรอย่างเหมาะสมในธุรกิจครอบครัว
2. พิจารณาด้วยมุมมองธุรกิจ
เมื่อธุรกิจอยู่ในช่วงอิ่มตัวไม่มีการเติบโตของสินค้าและบริการใหม่
การที่ธุรกิจอยู่ในธุรกิจ Cash Cow มาอย่างยาวนาน ซึ่งนั้นคือจุดแข็งของธุรกิจครอบครัวแต่ครอบครัว ถึงกระนั้นการอยู่ในอุตสาหกรรมเดิมโดยมีสินค้าเดียวมาอย่างยาวนั้นถือว่าเป็น Comfort Zone และเป็นจุดอันตรายที่หลายธุรกิจครอบครัวติดกับดักอยู่ การที่ธุรกิจไม่ได้วางแผนการเติบโตใหม่อาจทำให้ธุรกิจถูก Disrupt จากปัจจัยภายนอกด้านการเมือง และเศรษฐกิจโดยไม่สามารถควบคุมได้ ในบางธุรกิจครอบครัวที่ให้คำปรึกษาเมื่อธุรกิจถูก Disrupt กำไรและยอดขายถึงกับถดถอยจนติดลบอย่างมหาศาลภายในระยะเวลาไม่ถึงปี ดังนั้น การจัดทำธรรมนูญครอบครัวเพื่อแสวงหาการเติบโตผ่านข้อตกลงครอบครัวเพื่อพัฒนาสินค้าและบริการให้เติบโต หรือขยายกิจการผ่านการกระจายธุรกิจ (Diversify) โดยสร้างการสื่อสารระหว่างคนในครอบครัวทั้งรุ่นผู้ใหญ่และเด็กจะทำให้ธุรกิจครอบครัวมีโอกาสรอดในยุคของการเปลี่ยนแปลง
เมื่อธุรกิจของเราต้องกันมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น
การปรับเปลี่ยนธุรกิจให้มีระบบระเบียบ มีความเป็นมืออาชีพย่อมเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะสร้างธุรกิจครอบครัวให้ยั่งยืน จุดเริ่มต้นของหลายธุรกิจครอบครัวที่ประสบความสำเร็จคือการปรับเปลี่ยนจากธุรกิจเถ้าแก่ กล่าวคือสมาชิกครอบครัวบริหาร กลายมาเป็นธุรกิจครอบครัวแบบมืออาชีพที่มีแต่บุคคลที่มีความสามารถประกอบไปด้วยคนในครอบครัวและมืออาชีพเข้ามาบริหารธุรกิจเพื่อทำให้ธุรกิจมีประสิทธิภาพสูงสุด ธรรมนูญครอบครัวจึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้สมาชิกครอบครัวได้สื่อสาร ตีความคำว่าธุรกิจครอบครัวแบบมืออาชีพภายในกงสี และวางกฎเกณฑ์ ตีเส้นความเป็นธุรกิจ และครอบครัวอย่างชัดเจน เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพในการดำเนินกิจการต่อไปในอนาคต
โปรดติดตามบทความที่ 2 สำหรับมุมมองถัดไป