ถอดรหัสความสำเร็จธุรกิจครอบครัว EP 1: รู้ทันความเสี่ยงสำคัญ...ธุรกิจครอบครัว
ผมได้มีโอกาสได้อ่านหนังสือชื่อ “Asian Family Business: Succession, Governance and Innovation”
โดยหนังสือเล่มนี้ ได้อธิบายเกี่ยวกับความเสี่ยง และแนวทางการพัฒนาธุรกิจครอบครัวผ่านแนวคิด งานวิจัย และกรณีศึกษา ซึ่งเนื้อหาในหนังสือถือว่าตรงจุดแก่บริบทธุรกิจครอบครัวไทย และเป็นประโยชน์อย่างมาก ผมจึงขอนำมาสรุปใจความสำคัญแต่ละเนื้อหาในหนังสือพร้อมกับในข้อคิด ต่าง ๆ ที่ได้จากแต่ละเนื้อหาให้แก่ธุรกิจครอบครัวได้เข้าใจกัน
—————
ความท้าทายของธุรกิจครอบครัวได้แบ่งออกมาเป็น 3 ประเด็นสำคัญ ดังนี้
การสืบทอดกิจการ (Succession)
การสืบทอดกิจการของธุรกิจครอบครัว เป็นประเด็นที่ท้าทาย และยากลำบากเหตุเพราะการวางแผน และลงมือสืบทอดกิจการเป็นกระบวนการที่ต้องเกี่ยวข้องกับคน และสมาชิกครอบครัว ซึ่งมีงานวิจัยที่ได้ศึกษาเกี่ยวกับการสืบทอดกิจการภายในได้ระบุว่า ในระหว่างกระบวนการสืบทอดกิจการ ธุรกิจครอบครัวส่วนใหญ่มีความเสี่ยงที่แผนสืบทอดกิจการจะมีผลกระทบเชิงลบกับสัดส่วนการถือหุ้นของครอบครัว กล่าวคือได้ตกไปสู่บุคคลภายนอก หากไม่ระวัง ซึ่งนี้จึงกล่าวได้ว่า การสืบทอดกิจการเป็นความเสี่ยงที่อันตรายที่สุดแก่ธุรกิจครอบครัวเอเชีย
หลักธรรมาภิบาล (Governance)
ธุรกิจครอบครัวหลายที่ได้พบกับความยากลำบากที่จะสร้างสมดุลในการดึงดูด และพัฒนาสมาชิกครอบครัวไปพร้อมกับบุคคลภายนอก (มืออาชีพ) เพื่อช่วยเหลือ และพัฒนาการขยับขยายธุรกิจครอบครัวระยะยาว และเป็นการยากที่ธุรกิจครอบครัวจะทำให้พนักงานภายในยังคงอยู่ในองค์กรหากไม่มีหลักธรรมาภิบาลที่ดี และหากธุรกิจครอบครัวไม่ได้มีการตั้งหลักธรรมาภิบาลที่ดี ความเสี่ยงที่สมาชิกครอบครัวอยากจะตั้งตนเป็นเอกเทศ ปรากฎการณ์การเลือกที่รักมักที่ชัง และการตัดสินใจอย่างไม่มีที่มาที่ไป ย่อมจะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นวัตกรรม (Innovation)
นวัตกรรมภายในธุรกิจครอบครัวเป็นสิ่งที่ท้าทายเนื่องจากปัญหาด้านเจเนอเรชั่น ซึ่งสะท้อนมาที่ ‘คุณลักษณะของผู้ประกอบการ’ ในแต่ละยุคสมัย ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญต่อความยืดหยุ่นภายในองค์กรรวมไปถึงการคงอยู่ระยะยาวของธุรกิจครอบครัว และด้วยคุณลักษณะที่แตกต่างก็ย่อมทำให้เกิดข้อขัดแย้งระหว่างรุ่น เนื่องจากสมาชิกครอบครัวรุ่นก่อนมีคุณลักษณะผู้ประกอบการเชิงอนุรักษ์ในการบริหาร ซึ่งแตกต่างจากสมาชิกครอบครัวรุ่นถัดไป ที่ได้รับการศึกษาจากต่างประเทศ โดยส่วนมากมาจากประเทศทางตะวันตก จึงทำให้มีคุณลักษณะผู้ประกอบการเชิงก้าวหน้าในการบริหาร
—————
ธุรกิจครอบครัวเราสามารถเรียนรู้อะไรจากประเด็นนี้?
ประเด็นที่ 1: การสืบทอดกิจการ (Succession)
ธุรกิจครอบครัว หรือกงสีเราจะต้อง ‘คิดให้รอบ’ ในเรื่อง Succession Plan ระหว่างรุ่นก่อนหน้า ไปสู่รุ่นหลัง หลายธุรกิจครอบครัวอาจมองว่า Succession Plan เป็นเรื่อง ‘เล็กน้อย’ และส่งต่อกัน ‘ง่าย ๆ’ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนไม่ต้องวางแผนให้เสียเวลา ไม่ต้องสื่อสารให้มากเรื่อง ทุกอย่างทำได้อยู่แล้วเพราะเป็นคนในครอบครัว หลายธุรกิจครอบครัวที่มีแนวคิดเช่นนี้ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะเผชิญกับ ‘การขาดผู้สืบทอด’ ในอนาคต
Succession Plan เป็นการวางแผน และหวังผลระยะยาว ซึ่งไม่สามารถทำแล้วจะสำเร็จได้ภายในเวลาชั่วข้ามคืน เนื่องจากจะต้องมีผู้ที่เกี่ยวข้อง (Stakeholder) ทั้งสมาชิกครอบครัว (กงสี) และพนักงาน บุคลากร ที่ปรึกษา คู่ค้าต่าง ๆ ที่จะต้องอยู่ในสมการการวางแผนนี้ อีกกระทั้ง Succession Plan จะต้องมีสารสื่อสารอย่างชัดเจน ซึ่งอาจระบุได้ในนโยบายบริษัท แผนธุรกิจ และระบุไว้ในธรรมนูญครอบครัว ซึ่งหากธุรกิจครอบครัวยัง ‘ชะล่าใจ’ ไม่คิดวางแผนก่อนดำเนินการ การสืบทอดกิจการสู่รุ่นลูกหลานก็คงจะ ‘เปราะบาง’ และสัดส่วนการถือหุ้นของธุรกิจภายในครอบครัวในอนาคตก็จะมีความเสี่ยงอย่างมาก แม้จะมีเครื่องมือทางกฎหมายมาช่วยเหลือแล้วก็ตาม
ประเด็นที่ 2: หลักธรรมาภิบาล (Governance)
หลากหลายธุรกิจครอบครัวยังมี Governance หรือรูปแบบการบริหารจัดการที่ไม่โปร่งใส ชัดเจน ตรงไปตรงมา ซึ่งอาจจะเกิดจากความตั้งใจ หรือไม่ได้ตั้งใจ Governance ภายในกงสีถือว่าเป็นกระดุมเม็ดแรกที่ส่งต่อความสำเร็จไปได้ในอนาคต ซึ่งหากธุรกิจครอบครัวยังคงปล่อยปะละเลยให้ปรากฎการณ์นี้ยังเกิดขึ้นในธุรกิจครอบครัวเรา หลากหลายความเสี่ยงอาทิเช่น ทิศทาง ความถูกต้องทางการเงิน มืออาชีพ การสืบทอดธุรกิจครอบครัว และการพัฒนาสมาชิกครอบครัวก็ย่อมเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การวาง Governance คือการวางหลักเกณฑ์ หรือบทบัญญัติเพื่อกำกับดูแลภายในระบบใดระบบหนึ่ง ซึ่งจะถือได้ว่าเป็นแนวทางที่ให้กงสีเราพัฒนา และดำเนินต่อไปได้ โดยไม่หลุดจากอนาคต และกรอบที่ต้องการจะเดินหน้า การจัดตั้ง Governance ภายในธุรกิจ (Corporate Governance) หรือ Governance ภายในครอบครัว (Family Governance) นั้นสามารถทำได้โดยเครื่องมือที่หลากหลาย
ธุรกิจครอบครัว หากคาดหวังที่จะดำเนินกิจการครอบครัวไปได้อย่างยาวนาน การจัดตั้ง Governance ของทั้ง 2 ระบบจึงถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ และไม่สามารถปล่อยปะละเลยได้ ซึ่งหากธุรกิจครอบครัว ได้มองข้ามกระดุมเม็ดแรกไป การก้าวเดินต่อในธุรกิจครอบครัวของเราย่อมเกิดปัญหาต่อมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ประเด็นที่ 3: นวัตกรรม (Innovation)
การวางแผนธุรกิจเพื่อให้ได้ซึ่งนวัตกรรม เป็นกระบวนการที่ต้องได้รับความร่วมมือระหว่างรุ่น (Multi-Gen Collaboration) หากธุรกิจครอบครัวใดได้นำเอา ‘คุณลักษณะของผู้ประกอบการ’ ของรุ่นใดรุ่นหนึ่งมาใช้เพื่อตัดสินใจทางธุรกิจ หรือไม่ได้มีการนำเอาองค์ความรู้ ประสบการณ์ระหว่างรุ่น มาพิจารณาอย่างถี่ถ้วน อาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อธุรกิจครอบครัวของเราเองในท้ายที่สุด
จากประสบการณ์การที่ได้ให้คำปรึกษาธุรกิจครอบครัวหนึ่ง ปัญหาที่ธุรกิจนั้นได้พบเจอคือ แม้ตลาดของสินค้าดังกล่าวจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่สินค้า และบริการของธุรกิจครอบครัวดังกล่าวกลับไม่โตตามแนวโน้มของตลาดอย่างน่าเสียดาย เพราะเหตุใด? สาเหตุของกรณีนี้คือการที่รุ่นคุณพ่อไม่ได้เปิดรับความคิดเห็น หรือไอเดียที่นำเสนอมาจากรุ่นลูก และยังยึดถือแนวทางการตลาด และการนำเสนอสินค้าในรูปแบบเดิมอยู่ จนเป็นเหตุให้รุ่นลูกที่เคยนำเสนอไอเดียทางธุรกิจใหม่ จนไปถึงนวัตกรรมทางสินค้า และการผลิตมานับครั้งไม่ถ้วนมาหลายปี ถอดใจ และไม่มีความประสงค์ที่จะทำงานภายในธุรกิจครอบครัวอีกต่อไป
เราอยากให้ธุรกิจครอบครัวของเราประสบกับเหตุการณ์ตามกรณีศึกษาอย่างนั้นหรือไม่? หรือธุรกิจครอบครัวของเราจะเริ่มทำอะไรที่แตกต่าง เพื่อทำให้ครอบครัวก้าวข้ามกำแพงความสัมพันธ์ และสร้างนวัตกรรมที่มีการร่วมมือกันระหว่างรุ่น และได้ผลลัพธ์ที่ทุกคนคาดหวัง?
—————
ขอขอบคุณ Annie Koh และ Jean Lee สำหรับการเขียนหนังสือที่มีคุณค่าเล่มนี้