เมื่อครอบครัวก้าวเข้าสู่ยุค ‘กงสีใหม่’
เมื่อครอบครัวก้าวเข้าสู่ยุค ‘กงสีใหม่’
อ่าน 4 นาที
—————
ระบบกงสีแบบเดิม (Classic Gongsi) คือระบบรวมศูนย์ แบ่งปันเงินทองทรัพย์สิน กันในกองเงินกงสีตามแต่ละครอบครัวกำหนด นโยบายกงสีแบบเดิมจะมีผู้รวมศูนย์อำนาจอยู่ตรงกลางซึ่งหนีไม่พ้น อากง อาม่า หรือเฮีย ของแต่ละกงสี การที่กงสีสามารถดำเนินตามระบอบนั้นเป็นเพราะธุรกิจและครอบครัวได้ทำการกระจุกอำนาจ ทรัพย์สิน และครอบครัวกันอยู่ในที่ ๆ เดียวกัน โดยไม่ได้แยกออกไปไหน
หากสะท้อนอำนาจในทางธุรกิจนั้นก็หมายถึง มีธุรกิจครอบครัวที่อากงมีสัดส่วนการถือหุ้นเป็นเสียงข้างมาก (เกิน 50%) หรือเสียงข้างมากแบบเด็ดขาด (เกิน 75%)
—————
อย่างไรก็ตาม…ระบบกงสีแบบเดิมได้ถูกท้าท้ายด้วยสถาวะแวดล้อมใหม่
จาก…อยู่กันไม่กี่คน กลายเป็นบางคนแต่งงานมีลูก บางคนไม่แต่งงาน
จาก…ครอบครัวที่เคยอยู่แบบบ้านรวม กลายเป็นมีครอบครัว และเริ่มแยกบ้านกันอยู่
จาก…อยู่กันใกล้ชิดห้องติดกัน กลายเป็นอยู่บ้านห่างต้องเดินทางกว่าจะเจอกัน
จาก…อากงส่งเรียน กลายเป็นพ่อแม่ส่งเรียนตามที่เห็นว่าดี
จาก…ในธุรกิจทำกันอยู่ไม่กี่คน กลายเป็นมีพนักงานเป็นร้อยชีวิตที่ต้องดูแล
จาก…เมื่อก่อนอากงสั่งงาน กลายเป็นลูก ๆ ต่างดูแลแผนกต่าง ๆ และมีอาณาจักรเป็นของตัวเอง
จาก…ยอดแค่ล้านบาท กลายเป็นหลายพันล้าน และมีเป้าที่ต้องถึง
คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่ากงสีของแต่ละคนก็เริ่มที่จะ เติบโต ขยับขยาย ต่างคนต่างมีหน้าที่ การตัดสินใจ และชีวิตของตัวเอง ซึ่งความสนิทชิดเชี้อก็คงไม่เท่าเมื่อก่อน
ปรากฎการณ์นี้ก่อให้เกิดความท้าทายให้กงสีเดิมต้องปรับตัว เพราะสมาชิกกงสีแต่ละคนย่อมมองหาอาณาจักรในรูปแบบของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว และธุรกิจครอบครัวก็จำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับโลกของกงสีใหม่
—————
คำถามที่เกิดขึ้นถัดมาคือ แล้วกงสีเราจะต้องบริหารจัดการอย่างไรกับปรากฎการณ์นี้?…
จากประสบการณ์ที่ปรึกษา แต่ละครอบครัวที่ผมให้คำปรึกษามานั้น ผมได้นำเสนอวิธีการบริหารจัดการที่แตกต่างกันออกไป แต่ทั้งนี้ก็มีแนวความคิดที่เป็นหลักการในการปรับตัวแก่ครอบครัว และธุรกิจได้ มีดังนี้
ในบริบทของครอบครัวนั้น กงสียุคใหม่จะต้องเข้าใจถึงพลวัตของชีวิต จากที่รวมกันก็ต้องมีจากกัน จากที่ใกล้ชิดก็ต้องมีห่างเหิน แต่ทั้งนี้ แม้ครอบครัวห่างกันแต่ยังคงความเป็นกงสีอยู่ มีจุดเชื่อมโยง จุดช่วยเหลือ จุดคล้ายอะไรที่ทุกคนจะต้องมีร่วมกัน บางครอบครัวได้ริเริ่มการนำ สวัสดิการกงสี บ้านกงสี หรือการสร้างกิจกรรมกงสี เพื่อให้เป็นกิจวัตให้สมาชิกกงสีได้มารวมตัวกัน เพื่อพบหน้า พูดคุยถามไถ่ แสดงความห่วงใย ช่วยเหลือกันอย่างสม่ำเสมอ และวางรากฐานให้กับสมาชิกครอบครัวรุ่นหลังให้รับรู้ว่าครอบครัวเรามีกงสี และการดูแลซึ่งกันและกันไม่ได้แยกห่างกันออกไป
ในบริบทของธุรกิจครอบครัวนั้น ‘โครงสร้างธุรกิจครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญ’ เพื่อให้สอดรับกับการเติบโต และการให้พื้นที่ มอบอาณาจักรแก่แต่ละครอบครัวไปดูแล โดยที่สามารถพิจารณาแนวทางตามแต่บริบทแต่ละครอบครัว ดังนี้:
1. กระจายธุรกิจ
การกระจายธุรกิจ ไม่ได้หมายถึงกงสีแตก แต่การกระจายธุรกิจหมายถึง กงสีได้กระจายอาณาจักรและให้แต่ละครอบครัวไปบริหารได้ตามแนวทางของตนเอง เพื่อเพิ่มความเป็นเจ้าของ (เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น) และเพิ่มอิสระการบริหาร (การเป็นกรรมการบริหาร และผู้บริหาร) โดยมีบริษัทกงสีคอยกำกับดูแลเพื่อทำให้แต่ละธุรกิจยังคงเป็นของกงสีอยู่
2. การวางแผนสืบทอดกิจการ จัดโครงสร้างการถือหุ้นใหม่
หากการกระจายธุรกิจไม่ใช่แนวทางที่ครอบครัวมองหาไว้ หรือการคงจำนวนธุรกิจไว้เท่าเดิมเป็นนโยบายที่กงสีได้มีมติร่วมกัน การวางแผนสืบทอดกิจการโดยที่เริ่มให้สมาชิกครอบครัวรุ่นถัดไปเริ่มมีบทบาทในการทำงาน การตัดสินใจมากขึ้น และเริ่มโอนถ่ายความเป็นเจ้าของผ่านการถือหุ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ย่อมสร้างผลกระทบเชิงบวกที่ทำให้สมาชิกรุ่นถัดไปอยากที่จะเข้ามาทำงานในธุรกิจครอบครัว และมีกำลังใจในการทำงานเป็นธรรมดา อย่างไรก็ตาม กงสีย่อมจะต้องมีการวางแผนโครงสร้างการถือหุ้น และโครงสร้างธุรกิจใหม่ที่สอดรับกับแผนดังกล่าว
—————
การวางแผนเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกงสีย่อมต้องมีการมององค์ประกอบของระบบครอบครัว และธุรกิจอย่างครอบคลุม กล่าวคือทั้งสองระบบนั้นจะต้องได้รับประโยชน์จากการปรับโครงสร้างที่เกิดขึ้น โดยที่กลุ่มธุรกิจครอบครัวสามารถจัดตั้งบริษัทกงสี หรือบริษัทโฮลดิ้งครอบครัว เป็นดั่งบริษัทแม่เป็นผู้ถือหุ้นในแต่ละบริษัทตามสัดส่วนที่ครอบครัวได้ตกลงกัน ซึ่งจะต้องมีสัดส่วนหุ้นไม่น้อยไปกว่าอำนาจที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้ธุรกิจที่ครอบครัวมีเป็นของกงสีตามเจตนารมณ์ที่ทุกคนมี
มากไปกว่านั้น ครอบครัวจะต้องวางกฎเกณฑ์ภายในครอบครัวอย่างชัดเจน และสื่อสารอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้สมาชิกครอบครัวทุกคนได้รับทราบถึงกฎระเบียบดังกล่าว และปฏิบัติตาม กล่าวคือการจัดทำหลักธรรมาภิบาลภายในครอบครัวผ่านการทำธรรมนูญครอบครัว ซึ่งจะเป็นกฎเหล็กที่สมาชิกครอบครัวจะต้องรับทราบ และปฏิบัติตามอย่างเด็ดขาด
สุดท้ายนี้ การที่กงสีเดิมได้ถึง ‘ทางแยกสำคัญ’ ที่ถ้าไม่ปรับก็ต้องจะต้องคราวแยกไม่ช้าก็เร็ว ซึ่งหากมองปรากฎการณ์นี้ อาจถือว่าเป็นการดีที่ปลุก ‘กงสีให้ตื่น’ และย้อนกลับมามองตนเอง มองดูโครงสร้างธุรกิจว่าจะต้องบริหารจัดการหลังบ้าน และเตรียมพร้อมอย่างไรให้ธุรกิจครอบครัวของเราสามารถเดินต่อไปได้ โดยสร้างแรงจูงใจต่อสมาชิกครอบครัวในการทำงาน มีกฎเกณฑ์ที่พัฒนาเหมาะสมกับยุคกงสีใหม่ต่อไป