ถอดรหัสความสำเร็จธุรกิจครอบครัว EP 3: 3 เสาเข็มสำคัญเพื่อรากฐานของธุรกิจครอบครัว
จากหนังสือ “Asian Family Business: Succession, Governance and Innovation” โดย Annie Koh และ Jean Lee
จากบทความที่กล่าวถึง 3 ปัจจัยความเสี่ยงของธุรกิจครอบครัว (EP.1) ธุรกิจครอบครัวก็ควรที่จะมี 3 บทเรียนเพื่อเป็นดั่งเสาเข็มสำคัญให้กับรากฐานของธุรกิจครอบครัวในการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เกิดขึ้น และพัฒนา ต่อยอด จนไปถึงการสืบทอดธุรกิจครอบครัวสู่รุ่นถัดไป
บทเรียนที่ 1: การวางหลักธรรมาภิบาลที่มีประสิทธิภาพ และใช้งานได้จริงเพื่อเป็นเครื่องมือในการกำหนดนโยบายการจ้างงาน และลาออกของสมาชิกครอบครัว
ธุรกิจครอบครัวควรที่จะเริ่มวางกลไกในการกำหนดขอบเขตอำนาจ ความรับผิดชอบที่ชัดเจนของคณะกรรมการ และทีมผู้บริหาร และเริ่มมีการกำหนดกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนการจ้างงานของสมาชิกครอบครัว รวมไปถึงการประเมินสมาชิกครอบครัวที่ทำงานในธุรกิจครอบครัวอย่างเป็นธรรม ซึ่งความเป็นธรรมหมายถึงการสร้างกลไกการได้รับเงินค่าจ้าง รูปแบบการประเมิน การขึ้นตำแหน่ง หรือการสอนที่เทียบเท่ากับพนักงานคนอื่นที่เข้าทำงานในธุรกิจครอบครัว ในทางกลับกันครอบครัวก็ควรที่จะวางนโยบายการเลิกจ้าง หรือลาออกของสมาชิกครอบครัวที่ทำงานในธุรกิจครอบครัวเช่นเดียวกัน
ในครอบครัวเรานั้นการมีแผนที่เห็นชัดเจน และเห็นภาพทั้งระยะกลาง และระยะยาวย่อมเป็นสิ่งที่ดี และควรทำหากธุรกิจครอบครัวเราต้องการที่จะสืบทอดกิจการครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่น และการวางกลไกกำหนดขอบเขตอำนาจ ความรับผิดชอบของคณะกรรมการ และผู้บริหาร รวมไปถึงการจัดตั้งธรรมนูญครอบครัว (Family Constitution) สำนักงานครอบครัว (Family Office) ทรัสต์ (Trust) และมูลนิธิ (Foundation) ล้วนแล้วแต่เป็นการสร้างหลักธรรมาภิบาลที่ควรทำ และสร้างความมั่งคั่งภายในครอบครัว
บทเรียนที่ 2: ตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างรุ่นของสมาชิกครอบครัว และสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมจากความต่างระหว่างรุ่นที่เกิดขึ้น
ในระหว่างการสืบทอดกิจการในธุรกิจครอบครัว การเห็นต่าง และความขัดแย้งก็ย่อมเกิดขึ้นระหว่างทั้ง 2 รุ่น สมาชิกครอบครัวทั้ง 2 รุ่นย่อมต้องมองประกฎการณ์ที่เกิดขึ้นไปในทางที่ดี โดยมองหาเครื่องมือ หรือกลไกในการหาข้อตกลงกันระหว่างรุ่นอย่างเป็นเหตุเป็นผล โดยสามารถเชื่อมโยงการบริหารจัดการความขัดแย้งนี้กับหลักธรรมาภิบาล (ตามข้อที่ 1.) ที่ครอบครัวได้จัดตั้งขึ้น
มากไปกว่านั้น สมาชิกครอบครัวรุ่นใหม่ที่ทำงานในธุรกิจครอบครัว ที่มองหาการนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมต่าง ๆ เข้ามาสู่ครอบครัว และธุรกิจ ก็ย่อมต้องการกำลังใจ และการสนับสนุนจากครอบครัวตลอดระยะเวลาที่ลงมือทำ เพื่อให้การพัฒนาทางด้านครอบครัว และธุรกิจครอบครัวเกิดผลตามที่หวังไว้
บทเรียนที่ 3: กำหนดวัฒนธรรมครอบครัวที่ทรงคุณค่าให้แตกต่าง และชัดเจนกว่าครอบครัวอื่น
วัฒนธรรมครอบครัวคือหลักสำคัญของรากฐานครอบครัว และในการนิยามวัฒนธรรมครอบครัวที่ชัดเจน สมาชิกครอบครัวจะต้องมีการแลกเปลี่ยนความคิด และคุณค่าที่แต่ละคนยึดถือเป็นประจำในครอบครัว และเพื่อไม่ให้หลักการดังกล่าวจากหายไป ครอบครัวสามารถจดบันทึกถึงวัฒนธรรม และคุณค่าที่ครอบครัวให้เพื่อส่งทอดต่อจากรุ่นสู่รุ่น
ทั้งนี้ การที่ครอบครัวจะส่งต่อวัฒนธรรม และคุณค่าที่ครอบครัวยึดถือไปสู่รุ่นถัดไป ครอบครัวจะต้องให้สมาชิกครอบครัวได้เจอกันผ่านการประชุม และ/หรือกิจกรรมครอบครัวที่มีวาระที่ชัดเจน เพื่อที่ให้สมาชิกครอบครัวได้เข้าร่วม และเสริมสร้างหลักการ อารมณ์ความรู้สึกร่วมกันของวัฒนธรรม คุณค่าที่ครอบครัวยึดถือ และหารือประเด็นสำคัญของครอบครัวในทุกรุ่น นั้นหมายความว่าการสร้างกลไกที่บริหารจัดการความขัดแย้งภายในครอบครัว จะต้องเกิดมาจากช่องทางการสื่อสารที่ได้รับความเชื่อถือร่วมกันเท่านั้น
—————
ธุรกิจครอบครัวเราสามารถเรียนรู้อะไรจากประเด็นนี้?
การที่ธุรกิจครอบครัวมีวิสัยทัศน์ที่จะพัฒนาธุรกิจเพื่อที่จะสืบทอดธุรกิจไปยังรุ่นถัดไป การคำนึงถึงการพัฒนาธุรกิจ การเร่งยอดขาย การวางแผนการตลาด และ/หรือการปรับโครงสร้างธุรกิจ การมองในมิติของธุรกิจอย่างเดียวคงจะไม่เพียงพอ ครอบครัวควรที่จะเริ่มต้นจากการมองหา ‘รากฐาน’ สำคัญของครอบครัวเป็นอันดับแรก ซึ่งนั้นก็คือ วัฒนธรรมครอบครัว และคุณค่าที่ครอบครัวยึดถือที่ผ่านจากการตกผลึกทางความคิดจากสมาชิกครอบครัวทุกท่านให้เป็นหลักการในการดำเนินครอบครัว
ถึงอย่างนั้น แม้มีหลักการครอบครัวที่ได้พูดคุยกันภายในครอบครัวแล้ว แต่หากครอบครัวยังไม่สามารถปรับเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อการเปลี่ยนแปลง และความแตกต่างระหว่างยุคสมัย (รุ่น) ได้ การดำเนินธุรกิจครอบครัวก็ย่อมมีอุปสรรคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งการปรับเปลี่ยนกรอบความคิด การสื่อสาร และบทบาท หน้าที่ของสมาชิกครอบครัวภายในครอบครัว และธุรกิจ หรือหากกล่าวง่าย ๆ คือการ ‘ถอยออกมามองคนละก้าว’ ก็เป็นกุญแจสำคัญในการเปิดรับฟังความคิดเห็น ทำงานร่วมกัน และเสริมสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาครอบครัว และธุรกิจต่อไป
สิ่งสำคัญที่สุดหลังจากครอบครัวได้จัดการทุกอย่างตามที่กล่าวข้างต้น การหาเครื่องมือที่เป็นรูปธรรม และเป็นลายลักษณ์อักษรที่จะเป็นตัวอธิบายกฎระเบียบครอบครัว ทั้งในเรื่องของบทบาท หน้าที่ความรับผิดชอบ การรับสมาชิกครอบครัวเข้าทำงาน และลาออกจากการทำงานในธุรกิจครอบครัว การจัดการกับความขัดแย้งภายในครอบครัว และกิจกรรมครอบครัวเพื่อสื่อสาร นำเสนอเรื่องราวสำคัญในครอบครัว และตัดสินใจภายในครอบครัว ย่อมเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การบริหารจัดการครอบครัวนั้นมีประสิทธิภาพ และสร้างธรรมาภิบาลครอบครัวที่เกิดขึ้นได้จริง โดยที่เครื่องมือดังกล่าวสามารถที่จะผสมผสานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นธรรมนูญครอบครัว สำนักงานครอบครัว และอื่น ๆ ตามบริบท และความพร้อมของแต่ละครอบครัว