กงสีลอกคราบสละธุรกิจครอบครัวเดิม ผิดหรือไม่?

   เมื่อโมเดลธุรกิจครอบครัวเดิมที่เป็นดั่งประวัติศาสตร์ ความมั่งคั่งเดิมสั่นคลอน ครอบครัวจะกล้าลอกคราบสละสิ่งเดิมมากขนาดไหน? คำถามท้าทายชวนธุรกิจครอบครัวคิดต่อยอดมองไปถึงเหตุการณ์เมื่อกงสีต้องเปลี่ยนแปลง ผลักดันตนเองเพื่อสร้างพื้นที่สำหรับความมั่งคั่งใหม่ในกงสี การสละธุรกิจครอบครัวเดิมออกไปคือการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินกิจการให้แตกต่างออกไป หรือในบางธุรกิจครอบครัวที่ไปให้คำปรึกษาได้มีกลยุทธ์ที่สุดโต่งไปกว่านั้นคือการขาย หรือปิดกิจการธุรกิจครอบครัวเดิม เพื่อผลักดันบริษัทของครอบครัวอันใหม่ให้เติบโตไปได้ไกลกว่าของเดิม การที่ธุรกิจครอบครัวถึงคราวต้องตัดสินสินใจเปลี่ยนแปลงธุรกิจให้ทันต่อยุคสมัยมักมาคู่กับความลำบากใจของเจ้าของ (ครอบครัว) ที่จะต้องยอมลอกคราบกิจการ สละจากความสบาย (Comfort Zone) เพื่อก้าวไปสู่การแข่งขันนอกพื้นที่ที่ตนเองรู้จัก

   มากไปกว่านั้น ปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลความไม่กล้าตัดสินใจออกจากโมเดลธุรกิจเดิม คือประวัติศาสตร์ รากเหง้าธุรกิจที่ครอบครัวสร้างเป็นที่รู้จัก และเป็นชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล จึงไม่สามารถทำใจปล่อยให้ธุรกิจเดิมล้มหายจากไปได้ เพราะถ้าธุรกิจเดิมไม่อยู่แล้ว ก็อาจหมายถึงครอบครัวเราล้มเหลว ดูแล้วน่าอับอายแก่สังคมรอบข้างไม่น้อย ในเชิงธุรกิจการเก็บกิจการไว้ก็อาจเป็นต้นทุนให้แก่กงสีควรที่จะขายออกหรือปิดตัวลง แต่ในเชิงครอบครัวกลับมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ควรค่าแก่การเก็บไว้ไม่ให้หายไป ดังนั้น “ผิดหรือไม่ที่กงสีจะลอกคราบ สละธุรกิจครอบครัวเดิมเพื่ออนาคต?”


   จากประสบการณ์ที่ได้ให้คำปรึกษากลยุทธ์แก่หลายธุรกิจครอบครัว สามารถให้แนวทางได้ว่าการลอกคราบธุรกิจครอบครัวโดยการสละกิจการ (Family Business Liquidation) เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่หลายกงสีใช้สำหรับการปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจครอบครัวเพื่อสร้างความยั่งยืนระยะยาว “ในเชิงธุรกิจ” การทำเช่นนี้คือการลดต้นทุนทางการเงินของกลุ่มธุรกิจ (Financial Consolidation) แม้กิจการดังกล่าวอาจสร้างผลกำไรอยู่แต่เนื่องจากต้นทุนการบริหาร และทำงานในธุรกิจนั้นแล้วการถอยเชิงกลยุทธ์เพื่อจัดสรรทรัพย์สิน (Asset Allocation) ในเชิงคน ทุนทรัพย์ และเวลานั้นไม่คุ้มค่าในการคงกิจการไว้ต่อ

   “ในเชิงครอบครัว” แม้ธุรกิจดังกล่าวอาจเป็นธุรกิจแรกเริ่มของกงสี แต่เมื่อธุรกิจได้ขยายเติบใหญ่การเปลี่ยนแปลงเพื่อส่งเสริมให้กงสีเข้มแข็งนั้นก็เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากเพื่อส่งต่อธุรกิจครอบครัวสู่รุ่นถัดไป ในครอบครัวที่มีธุรกิจเดียวการลอกคราบ สละทิ้งธุรกิจครอบครัวเดิมอาจทำได้ด้วยการปรับโมเดลการประกอบกิจการจากแค่ผลิตเป็นผู้จัดจำหน่าย หรือจากผลิต กลายมาเป็นเจ้าของแบรนด์สินค้าเพิ่มมูลค่า หรือในบางกิจการที่ได้ให้คำปรึกษาก็ได้เลิกเป็นผู้รับจ้างผลิต (OEM) และเริ่มผลิตสินค้าของตนเองเพื่อสร้างมูลค่า และเป็นผู้กำหนดนโยบายสินค้าด้วยตนเอง หรือในบางครอบครัวที่มีหลายกิจการเป็นกลุ่มธุรกิจครอบครัว การปรับปรุงธุรกิจเดิมอาจทำได้อย่างง่ายดายกว่าเนื่องจากความเป็นกงสีนั้นได้ขยายตัวจาก 1 กิจการกลายเป็นกลุ่มธุรกิจโดยมีแกนกลางเป็น “บริษัทโฮลดิ้งครอบครัว” และสามารถดำเนินตามกลยุทธ์ในทางธุรกิจได้

   ดังนั้น การลอกคราบกงสีให้เป็นกงสีรูปแบบใหม่ เป็นกงสียุคใหม่ และสละธุรกิจครอบครัวเดิมเป็นสิ่งที่ไม่ผิด และไม่ใช่การสละอดีต แต่คือการต่อยอดประวัติศาสตร์กงสีให้สามารถไปต่อได้ในทางครอบครัว และสามารถต่อยอดความมั่งคั่งทางการเงิน ต่อยอดกลยุทธ์ธุรกิจครอบครัวให้สามารถสร้างความมั่งคั่งต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ การสละธุรกิจครอบครัวเดิมไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนการดำเนินกิจการ การปิดกิจการ หรือขายกิจการทิ้งนั้นสามารถทำได้ “หาก” กลยุทธ์นั้นได้รับการพิจารณาพูดคุย และได้ข้อตกลงภายในครอบครัวไม่ว่าจะมาจากสภาครอบครัว (ตามธรรมนูญครอบครัว) หรือการประชุมผู้ถือหุ้นในธุรกิจครอบครัว เพราะ “การลอกคราบคือการเปลี่ยนแปลง” ในกงสีที่ต้องอาศัยความเข้าใจ รวมไปถึงการร่วมมือภายในครอบครัว และธุรกิจเพื่อผลักดันให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้จริง จนสามารถทำให้การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นอนาคตใหม่ของธุรกิจครอบครัว

Previous
Previous

เมื่อธุรกิจครอบครัวต้องเริ่มคิดแบบเจ้าของ

Next
Next

ความขัดแย้งในธุรกิจครอบครัวมีกี่รูปแบบ