Family Holding Company กงสีรูปแบบใหม่รองรับอนาคตธุรกิจครอบครัว
หลายกงสีคงเคยได้ยิน และมีข้อสงสัยว่าบริษัทโฮลดิ้งครอบครัว (“Family Holding”) คืออะไร และที่สำคัญคือมีบทบาทหน้าที่ (Functions) และประโยชน์ (Benefits) อย่างไรกับการสร้างธุรกิจครอบครัวให้เข็มแข็ง สามารถต่อยอด และส่งต่อกงสีของเราได้จากรุ่นสู่รุ่น
Family Holding คือ “บริษัทครอบครัวที่กำหนดความเป็นกงสีในธุรกิจครอบครัว” ซึ่งบทความนี้ขอมาไขข้อสงสัย รวมถึงอธิบายว่า Family Holding มีบทบาทหน้า และประโยชน์อย่างไรในการวางโครงสร้างเพื่อธุรกิจครอบครัวในอนาคต
กลยุทธ์การขยายธุรกิจครอบครัว
การขยายโอกาสในธุรกิจครอบครัวเป็นเรื่องที่จะต้องพัฒนา ในบางโอกาสอาจจะเกี่ยวข้องกับสินค้ารูปแบบเดียวกันแต่ Business Model นั้นแตกต่าง หรืออาจมี Partner คนนอกขอเข้ามาร่วมทุนเพราะมองเห็นโอกาส และข้อได้เปรียบทางการค้าของกงสีเรา การเปิดกิจการใหม่จึงเป็นสิ่งที่หลายกงสีได้ทำขึ้น ดังนั้น Family Holding จึงมีบทบาทหน้าที่ในการเข้าร่วมในกิจการดังกล่าวเพื่อเป็นการขยายกลุ่มธุรกิจครอบครัวโดยเข้ามาเป็นหนึ่งในทุนของธุรกิจนั้น โดยยังคงความเป็นธุรกิจครอบครัวอยู่ ซึ่งหากทุนดังกล่าวสามารถแปรผันเป็นสัดส่วนการถือหุ้นที่มากพอ และมี Partner เป็นผู้บริหารนั้น Family Holding ก็จะเป็นดั่ง Angel Investor ให้กับกิจการที่เปิดใหม่ ที่สามารถกำหนดนโยบายในการดำเนินกิจการได้
ด้วยเหตุนี้ เมื่อธุรกิจครอบครัวจะต้องขยายกิจการ จึงไม่จำเป็นต้องพึ่งทุนทรัพย์ของคนในครอบครัวบางคน ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการหุ้น Nominee เกิดขึ้น (สัดส่วนการถือหุ้นไม่สะท้อนความจริง) แต่การมี Family Holding จะเป็นการสร้าง Family Bank เพื่อขยายกิจการ สร้างความชัดเจนในการบริหารจัดการ และทำให้แต่ละกิจการมี Business Model ที่ชัดเจน รวมถึงมีความเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น
คงความเป็นธุรกิจครอบครัว
เมื่อ Family Holding ได้เข้าถือหุ้นในธุรกิจครอบครัว ในสัดส่วนที่กฎหมายกำหนด (ไม่น้อยกว่า 25% ของสัดส่วนการถือหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมด) Family Holding ก็จะมีความสามารถในการ Block Vote เรื่องที่สำคัญในธุรกิจครอบครัวอาทิเช่น การซื้อขายกิจการ หรือการเพิ่มลดทุนต่าง ๆ รวมไปถึงแก้ไขข้อบังคับบริษัทกับหน่วยงานราชการ (กรมพัฒนาธุรกิจการค้าฯ) สัดส่วนการถือหุ้นนั้นสามารถเพิ่มเติมสูงได้ถึงเกือบ 100% (ไม่สามารถถือหุ้น 100% ได้เนื่องจากกฎหมายได้กำหนดไว้ว่าจะต้องมีบุคคลเข้าเป็นผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 2 ราย) และบทบาทหน้าที่ก็จะเพิ่มขึ้นในแต่ละสัดส่วนที่มีนัยยะสำคัญโดยมีสัดส่วนการถือหุ้น 25% 50% และ 75% เป็นจุดตัดระหว่างผู้ถือหุ้นข้างมากมุมกลับ (25%) ผู้ถือหุ้นผู้มีสิทธิบริหารจัดการ (50%) และผู้ถือหุ้นผู้มีสิทธิเบ็ดเสร็จเด็ดขาด (75%)
ดังนั้น ด้วยบทบาทหน้าที่ดังกล่าว Family Holding จึงมีประโยชน์เป็นอย่างมากในการกำหนดความเป็นธุรกิจครอบครัว และป้องกันการถูกครอบครองกิจการ ซึ่งมีผู้ถือหุ้นรายอื่นเข้าถือหุ้นไม่ว่าจะเป็นสมาชิกครอบครัว ผู้ถือหุ้นภายนอก หรือการเข้าตลาดหลักทรัพย์
แยกความเป็นธุรกิจ และครอบครัว (มีความเป็นมืออาชีพ)
ธุรกิจครอบครัวแบบมืออาชีพคือแนวทางที่สร้างความแตกต่างระหว่างธุรกิจเถ้าแก่ และธุรกิจครอบครัว Family Holding จะมีบทบาทหน้าที่ในการกระจายศูนย์รวม ความกระจุกของกิจการที่รวมกันอยู่ที่เดี่ยว (ตามกลยุทธ์การขยายธุรกิจครอบครัว) รวมไปถึงลดความเป็นธุรกิจเถ้าแก่ลงไป ซึ่งจะสามารถกระจายให้สมาชิกครอบครัวที่ไม่ได้ทำงาน หรือเป็นเจ้าภาพในกิจการถือหุ้นในส่วนของ Family Holding และไม่ได้ยุ่งเกี่ยวในการบริหารของแต่ละกิจการที่มีเจ้าภาพ
ประโยชน์ที่ธุรกิจครอบครัวจะได้รับจากการใช้ Family Holding คือความเป็นมืออาชีพที่มากขึ้นในแต่ละองค์กร ธุรกิจแต่ละองค์กรได้ลดจำนวนสมาชิกครอบครัว ลดผู้บริหารที่เป็นสมาชิกครอบครัว จากเมื่อก่อนที่อาจมีสมาชิกครอบครัวเป็นผู้บริหารทั้งหมด แต่เมื่อมีการใช้ Family Holding และกระจายเจ้าภาพมืออาชีพก็จะมีความสามารถในการก้าวเข้ามาสู่การบริหารซึ่งจะทำให้การทำงานเป็นมืออาชีพมากขึ้น (ลดความเป็นครอบครัวในการทำงานลงไป) และในทางเดียวกันจะเพิ่มโอกาสทางสายอาชีพ (Career Path) ให้กับบุคคลากรที่มีความสามารถโดยยังจะดึงดูด รวมไปถึงโน้มน้าวให้คนมีความสามารถยังอยู่กับกลุ่มธุรกิจครอบครัวต่อไป
ลดความขัดแย้งในกงสี
การขยายธุรกิจครอบครัว นั้นแปลว่ากงสีไม่ได้กระจุกตัว รวมศูนย์อยู่ในกิจการเดียว ประกอบกับสมาชิกครอบครัวรุ่นใหม่ที่มากขึ้นทำให้การดำเนินธุรกิจเชิงเดี่ยว (กิจการเดียว) Family Holding เป็นเครื่องมือในการสร้างความเป็นเจ้าภาพให้กับสมาชิกครอบครัวที่มีมากขึ้น ในบริบทที่ขยายธุรกิจให้เติบใหญ่มากขึ้นโดยยังคงความเป็นกงสี เป็นกลุ่มธุรกิจครอบครัวอันรวมเป็นอนึ่งอันเดียวกัน
เมื่อต่างคนต่างเป็นเจ้าภาพในแต่ละอาณาเขต (บริษัท) ของตัวเอง (โดยยังมี Family Holding ถือหุ้นอยู่) ความขัดแย้งต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการเหยียบเท้ากัน แย่งความเป็นเจ้าภาพในกิจการ แก่งแย่งตำแหน่งผลประโยชน์ของกงสีก็จะลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญเพราะสมาชิกครอบครัวได้มีพื้นที่เป็นของตัวเองในการสร้างผลงานที่ตนเองวางแผนไว้โดยยังมีนโยบายของกงสีครอบคลุมเป็นหางเสือให้กับแต่ละกิจการได้ดำเนิน
วางแผนภาษีอากรบริษัท และบุคคล
ภาษีอากรเป็นหนึ่งในมิตรที่หลายคนมักมองว่าเป็นศัตรู (Disguised Friend) การวางแผนภาษี บริหารจัดการภาษีจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกธุรกิจครอบครัวจะต้องดำเนินการ เพราะเรื่องภาษีเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ Family Holding จึงเป็นเครื่องมือในการบริหารภาษีโดยมีบทบาทในการ กักเก็บเงินปันผลไว้ในสถานที่ที่ไม่ได้ถูกบีบบังคับให้จ่ายเงินปันผล โดยปกติแล้วเมื่อสรรพากรได้เข้าขอความร่วมมือให้จ่ายเงินปันผล เกือบทุกครอบครัวก็มักจะ “ยินยอม” ที่จะจ่ายเงินปันผล
แม้ในทางกฎหมายหน่วยงานรัฐจะไม่มีกฎหมาย หรืออำนาจใดที่จะบีบบังคับเราให้จ่ายเงินปันผล แต่เพราะกงสีเรากลัวโดนตรวจสอบ (Audit) เนื่องจากกลัวสรรพากรพบเจอเรื่องที่ผิด เรื่องที่ซุกใต้พรมมานานหลายปีในบริษัท จึงต้องจำใจจ่ายเงินปันผล และต้องเสียภาษีจากการปันผล (ภาษีหัก ณ ที่จ่าย หรือรวมคำนวณในฐานะภาษีบุคคลธรรมดา) ทั้งนี้ไม่ได้ประสงค์อย่างนั้น แต่การมี Family Holding เป็นบริษัทที่ตั้งมาเพื่อถือหุ้นซึ่งสามารถรับเงินปันผลตามสัดส่วนการถือหุ้น และด้วยกลไกทางกฎหมาย (ประมวลรัษฎากร มาตรา 65 ทวิ (10)) ได้ระบุว่าหาก Family Holding ทำตามเงื่อนไข (Share / Time / Entity) การจ่ายเงินปันผลจากธุรกิจขึ้นมาสู่ Family Holding นั้นไม่จำเป็นที่จะต้องเสียภาษี หัก ณ ที่จ่าย แต่อย่างใด
ด้วยทางเลือกด้านกฎหมาย และโครงสร้าง Family Holding จึงทำให้ธุรกิจครอบครัวได้รับประโยชน์ในการวางแผนภาษีอากร สามารถบริหารภาษีได้ตามความต้องการของกงสี ไม่ได้ถูกบีบบังคับจากปัจจัยภายนอก ทำให้กงสีสามารถวางนโยบายการลงทุนในแต่ละองค์กรได้ผ่านการลงทุน หรือกู้ยืมจาก Family Holding (ได้รับสิทธิในการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ หากปล่อยกู้กิจการในเครือตามที่กฎหมายกำหนด) หรือสามารถจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้น (สมาชิกครอบครัว) ได้ตามข้อตกลงที่ครอบครัวได้กำหนดไว้ในกฎระเบียบครอบครัว (ธรรมนูญครอบครัว)
แยกการเงินระหว่างธุรกิจ & ครอบครัว
Family Holding คือการวางโครงสร้างกลุ่มธุรกิจครอบครัว ซึ่งประกอบไปด้วยการวางความเป็นเจ้าของ การสร้างความเป็นมืออาชีพ และอีกหนึ่งบทบาทหน้าที่คือการแยกเงินระหว่างธุรกิจ และครอบครัวให้ชัดเจนระหว่างกัน การมี Family Holding เป็นบริษัทที่ถือหุ้นก็แปลว่าจะมีสิทธิในการได้รับเงินปันผล (Passive) ของแต่ละกิจการครอบครัว ด้วยเหตุนี้เมื่อ Family Holding ได้รับเงินปันผลของกิจการที่ทำเงินแบบปฏิบัติการ (Active) ก็สามารถปันผลเงินออกสู่สมาชิกครอบครัวที่เป็นผู้ถือหุ้นเพื่อให้เป็นเงินของครอบครัวได้ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเงินในการลงทุนทำธุรกิจแต่อย่างใด
ด้วยบทบาทหน้าที่ของ Family Holding ธุรกิจครอบครัวจึงได้ประโยชน์ในด้านความชัดเจนโปร่งใสในการใช้เงินเป็นอย่างมาก ซึ่งทำให้กิจการแต่ละกิจการรับทราบถึงงบการเงินของตนเอง (สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของกิจการ) โดยไม่มีเงินครอบครัว “แฝงตัว” และระงับการใช้งานลงทุนในทุกกิจการ ระบบการเงินครอบครัวก็จะสามารถบริหารจัดการได้ด้วยการกักเก็บเงิน (เงินปันผล) ใน Family Holding เมื่อครอบครัวประสงค์ที่จะใช้เงินครอบครัวก็สามารถกำหนดจ่ายปันผลใน Family Holding ได้ทันที เป็นกระบวนการที่สร้าง On Demand Process ที่หลายครอบครัวกำลังมองหาความชัดเจนโปร่งใสในระบบการเงินอยู่
วางแผนการสืบทอดกิจการ
แม้ดูห่างไกลแต่ในความเป็นจริงแล้ว Family Holding เป็นกลไกในการวางแผนการสืบทอดกิจการในหลายธุรกิจครอบครัวระดับ “เจ้าสัว” ตามข่าวที่ได้ออกมาอย่างยาวนาน บทบาทหน้าที่ของ Family Holding ในมิติดังกล่าวคือการแยกความเป็นกงสี ออกจากความเป็นธุรกิจ (มืออาชีพ) แยกหมวกของความเป็นเจ้าของ ออกจากการบริหาร ดังนั้น เมื่อรุ่นส่งมอบ (รุ่นผู้ใหญ่) ได้ดำเนินธุรกิจมาช่วงเวลาหนึ่ง โดยมีรุ่นรับมอบ (รุ่นเด็ก) เข้ามาพร้อมรับช่วงต่อกิจการทางด้านการบริหาร รุ่นส่งมอบก็สามารถปล่อยการบริหาร กระจายการถือหุ้นในเจ้าภาพคนรุ่นใหม่ และกลายเป็นผู้ถือหุ้นใน Family Holding แทน
การวางโครงสร้างดังกล่าวแม้อาจดูแปลกใหม่ในกงสีแต่ในความเป็นจริงคือการวางแผนการสืบทอดกิจการโดยการสร้างความเป็นเจ้าของในแต่ละองค์กรให้กับแต่ละคน สร้างแรงจูงใจในการเข้ามาทำงานสานต่อกิจการครอบครัว ซึ่งโครงสร้าง Family Holding จะเป็นการสื่อสารกับครอบครัวให้พัฒนาตนเองเพื่อพร้อมรับการสานต่อ เพื่อพัฒนาองค์กรโดยยังมีสายใยความเป็นครอบครัวช่วย “ดูแล” ไม่ใช่ “สั่งการ” เมื่อยามต้องการ ดังนั้น คนรุ่นใหม่จึงมีความรู้สึกดึงดูด และมีแรงผลักดันในการเข้ามาร่วมธุรกิจครอบครัวอย่างมีนัยยะสำคัญ
หากกล่าวโดยสรุป
เมื่อบริบทธุรกิจ และครอบครัวปรับเปลี่ยน กงสีก็ต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลง โครงสร้างองค์กรเดิมที่เคยใช้ได้ก็ไม่อาจรองรับความต้องการ การเติบโตของคนในครอบครัวได้ Family Holding จึงเป็นศูนย์รวมนโยบาย รวมไปถึงเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างธุรกิจ และครอบครัว ให้ธุรกิจยังสามารถเดินหน้าพัฒนาตามแนวทางแต่ละกิจการ โดยยังมีแรงสนับสนุนระหว่างกัน (ธุรกิจ และครอบครัว) ผ่าน Family Holding ทั้งในการลงทุน หรือรับปันผลในการสร้างความมั่งคั่งของกงสีให้ดำเนินต่อไปโดยสร้างแรงผลักดันให้แก่คนรุ่นใหม่ สร้างความเป็นมืออาชีพในธุรกิจครอบครัว